คณะกรรมการกลางยังไม่ตัดสินใจประกาศเลือกตัวแทน 30 เสียงดิวิชั่น 2 ในการเลือกตั้งนายกฟุตบอลใหม่ แม้มั่นใจข้อกฏหมายทำได้แต่ขอให้ฟีฟ่าเป็นผู้ชี้ขาด

คณะกรรมการกลางที่ได้รับการแต่งตั้งจากฟีฟ่าเพื่อจัดการเลือกตั้งนายก สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ประชุมครั้งที่ 7 ที่ การกีฬาแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยมี พลเรือเอกสุรวุฒิ มหารมณ์ ประธานกรรมการ พร้อมด้วยอีก 3 คณะกรรมการฯ สัตยา อรุณธารี ,มานิต วรรธนะสาร และ ชื่นชนก ศิริวัฒน์ ส่วน ธนา ไชยประสิทธิ์ รองประธานกรรมการ กับ พินิจ สะสินิน เลขานุการ ได้ลาออกไปแล้ว

พลเรือเอกสุรวุฒิ มหารมณ์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า ประเด็นสำคัญที่ทุกคนกำลังรอคำตอบก็คือเรื่อง 30 เสียงที่เป็นประเด็นต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งก็มีทั้งสโมสรที่ไม่เห็นด้วย และ เห็นด้วย หลายฝ่ายหลายสโมสรก็บอกว่าเห็นด้วยกับคณะกรรมการกลางที่จะกำหนดให้มีการ เลือกตัวแทน 30 เสียงใหม่ ก็ต้องเรียนว่ามีทั้งฝ่ายหนึ่งได้และฝ่ายหนึ่งเสียผลประโยชน์

"การจะหาข้อยุติเราต้องพึ่งพิงสององค์กรก็คือ กกท. ผู้รักษากฏหมายในประเทศ และ อีกองค์กรหนึ่งก็คือ ฟีฟ่า ที่ต้องดูแลประเทศสมาชิกทั้งหลายให้เป็นไปตามข้อบังคับขององค์กรของเขา ซึ่งเราจะละเมิดไม่ได้ แม้แต่กฏหมายของกกท.เองยังต้องกำหนดไว้ว่าต้องยอมรับกฏกติกาของฟีฟ่า"

“เวลานี้ทุกคนทราบว่ามีการส่งหนังสือถามไปยังฟีฟ่า ถามไปยัง กกท.แล้ว ในคำตอบของฟีฟ่านั้นก็มีความชัดเจนขึ้นมาในระดับหนึ่งแต่ยังไม่ถึงกับนำไป ปฏิบัติได้ทันที ซึ่งเรามีมติที่จะถามเน้นย้ำไปใหม่ให้ฟีฟ่าตอบให้ชัดเจนว่าจะเอาอย่างไรกัน แน่"

"ส่วนทางกกท.เขาก็มีมุมมองนึงในทางด้านกฏหมาย แม้ฟีฟ่าจะโอนอ่อนแล้วโดยเห็นว่าในภาพรวมต้องดำเนินการตามกฏหมายแต่ก็ไม่ได้ ฟันธงใดๆมากนัก ซึ่งเราก็คิดว่าต้องการความชัดเจน และจะถามไปใหม่ ในวันสองวันน่าจะได้ข้อยุติ"

ด้าน มานิต วรรธนะสาร ผอ.กองนิติการ ของการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการกลาง แสดงความเห็นของกกท. เรื่องข้อกฏหมายว่า "ในแนวของคณะกรรมการชุดนี้ได้มองประเด็นข้อกฏหมายว่า ในข้อบังคับของสมาคมฟุตบอลฉบับ พ.ศ. 2558 ที่ กกท.เพิ่งได้รับรองเมื่อกลางเดือน พฤศจิกายน ก็ได้กำหนดผู้มีสิทธิ์ที่จะมาเลือกตั้งไว้ โดยเฉพาะ 30 เสียงได้กำหนดว่ามาจากการเลือกตั้ง เราก็มองว่าเมื่อกำหนดไว้เพียงแค่นี้ก็ต้องมีการเลือก จาก83 สโมสรดิวิชั่น 2 เบื้องต้นฟีฟ่าเห็นว่าเป็นไปตามข้อบังคับ"

“แต่ก็ยังมีหลายความเห็นจากสโมสรว่ามีการเลือกมาแล้วเหตุใดจึง ไม่นำตัวแทนที่เลือกมาดำเนินการเลย ทำไมจึงต้องเลือกใหม่ ไม่รับรองความเป็นผู้แทนในส่วนนั้นหรืออย่างไร"

“ในเรื่องนี้ กกท. ก็มีการรับรองในผู้แทนในการออกเสียงแก้ข้อบังคับฉบับปี 56 เปลี่ยนแปลงมาเป็นฉบับปี 58 ในวันที่ 17 กันยายน ที่ผ่านมา ว่าถูกต้องทั้งผู้มีสิทธิ์มาเลือกและข้อบังคับ เพียงแต่ว่าเมื่อมีข้อบังคับใหม่มา ข้อบังคับปี 56 ก็ถูกยกเลิกไป"

“ประเด็นอยู่ที่ว่า 30 เสียงผู้แทนนั้น ถูกยกเลิกไปด้วยหรือไม่ เมื่อเรามาดูข้อบังคับฉบับปี 58 ก็ระบุเพียงแต่ว่าให้มาจากการเลือก แล้วก็ไม่มีข้อใดบอกว่าผู้มีสิทธิ์เดิมยังสามารถที่จะมีสิทธิ์ได้อยู่ ไม่ได้มีบทเฉพาะกาลรองรับไว้ ก็ต้องถือว่าสิ้นผลไปตามข้อบังคับฉบับเดิม ซึ่งก็ถือเป็นการตีความในข้อกฏหมาย"

“แต่ก็เมื่อมีความเห็นต่างว่า 30 เสียงเดิมจะยังมีสิทธิ์อยู่ ก็เสนอว่าเราจะนำความเห็นต่างนี้ไปให้ฟีฟ่า ก่อนที่ฟีฟ่าจะตัดสินอย่างเป็นทางการให้เรา " มานิตกล่าว

ขณะที่ พลเรือเอกสุรวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า "จดหมายฉบับใหม่ที่ จะส่งให้ฟีฟ่า จะมีความเห็นของทั้งสองฝ่ายพร้อมเหตุผลประกอบให้ ฟีฟ่า เขาชี้ชัดมาว่าจะเอาอย่างไร ผมขี้เกียจทะเลาะด้วยแล้ว คือผมอย่างไรก็ได้ขอให้ถูกต้องเป็นธรรมก็พอ "

“จริงๆแล้วฟีฟ่าต้องการให้ NC(คณะกรรมการกลาง) ตัดสินเลย แต่เวลานี้เราเองคงทำไม่ได้ ถ้าตัดสินเองโดยลำพังเราเองคงทำไม่ได้ ฉะนั้นเราต้องขอเกณฑ์ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบจากองค์กรระดับโลกว่าเขามี ความเห็นอย่างไร ถ้าให้ผมตัดสินใจคนเดียวให้รับผิดชอบคนเดียวผมคงไม่ทำ"

ส่วนกำหนดการเปิดรับสมัครการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยและ สภากรรมการฯ นั้น ประธานคณะกรรมการกลาง บอกว่าที่ประชุมได้กำหนดไว้ว่าจะเปิดรับสมัครวันที่ 21 ธันวาคม 2015ก่อนจะไปปิดรับสมัครในวันที่ 11 มกราคม 2016 ขณะที่หากต้องเลือกตัวแทน 30 สโมสรใหม่จะกำหนดเลือกตั้งไว้ในวันที่ 24 ธันวาคม 2015

โดยหลังจากการประชุมเสร็จสิ้นยังได้มีตัวแทนจาก 2 สโมสรในลีกภูมิภาคอย่าง พานทอง เอฟซี และ ศรีราชา เอฟซี มายื่นหนังสือสนับสนุนให้ คณะกรรมการกลาง ดำเนินการเลือกตั้งผู้แทน 30 เสียงลีกภูมิภาคใหม่อีกด้วย