เอ่ยชื่อนักเตะนามว่า ''เจ้าอ๋อ'' ศักดิ์ดา เจิมดีขึ้นมาแฟนบอลที่ติดตามลูกหนังไทยมานานย่อมต้องคุ้นหูนักเตะรายนี้มาอย่างดีเพราะแม้เขาจะมีสรีระที่ไม่ใหญ่โตอะไรแต่ระดับฝีเท้านั้นจัดได้ว่าไม่ธรรมดา ผ่านการติดทีมชาติไทยมาหลายชุดตั้งแต่ระดับเยาวชนจนถึงทีมชาติไทยชุดใหญ่

หนุ่มวัย 30 กว่าจาก อ.แกลง จ.ระยอง รายนี้เป็นศิษย์เก่า รร.สวนกุหลาบวิทยาลัย รุ่น 119 เล่นฟุตบอลอาชีพให้กับสโมสรในเมืองไทยสโมสรแรกและสโมสรเดียวอย่าง โอสถสภาฯ มาขณะที่วัยแค่ 17 ปีเท่านั้น

ในยุคที่ฟุตบอลไทยยังไม่รุ่งเรืองเช่นทุกวันนี้ที่นักเตะไม่ต้องบินไปข้ามน้ำข้ามทะเลไปค้าแข้งยังต่างแดน "เจ้าอ๋อ" ถือเป็นนักเตะรุ่นบุกเบิกตามหลังรุ่นพี่ไปค้าแข้งยังดินแดนเพื่อนบ้านใกล้เคียงอย่าง เวียดนาม ด้วยการไปลุย วีลีก ที่อดีตเป็นสวรรค์สำหรับแข้งนักแสวงหาของแข้งไทย โดยเป็นรุ่นที่ 2 ต่อจาก "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กับ "น้าชู" ชูเกียรติ หนูสลุง ที่ไปเล่นกับ ฮองอัน ยาลาย ทีมดังของเวียดนาม ที่ชื่อคุ้นหูแฟนบอลเป็นอย่างดีโดย อ๋อ ไปบู๊ให้ทีมดังถิ่นเหงียนพร้อมกับรุ่นพี่อย่าง "เดอะโอ่ง" ดุสิต เฉลิมแสน

รอนแรมไปเล่นที่เวียดนามมาราว 12 ปี จนสื่อสารภาษาเวียดนามได้แบบเดินไปไหนคนคิดว่าเป็นคนเวียดนาม โกยเงินดองที่แปรเปลี่ยนเป็นยูเอสดอลลาร์ ได้เป็นกอบเป็นกำถึงราว 10 กว่าล้านบาทไทย ก็ตัดสินใจเดินทางกลับมาเมืองไทยในห้วงเวลาที่ฟุตบอลไทยลีกบ้านเราอยู่ในช่วงเบ่งบานพอดิบพอดี

จากเงินเดือนเริ่มต้นที่ได้รับจากฮองอัน ยาลาย ราว 8 หมื่นกว่าบาท จนทะลุไปถึง 2 แสนกว่าบาท ที่ยุคนั้นเล่นในไทยลีกไม่มีทางที่สโมสรไหนจะจ้างนักเตะไทยด้วยเรตเงินเดือนระดับนั้นได้ หลายคนอาจจะมองว่าทุกวันนี้ อ๋อ คงจะมีเงินล้านฝากกินดอกเบี้ยอยู่อุ่นๆในธนาคาร

แต่หากจะบอกว่าวันนี้ "เจ้าอ๋อ" ไม่ได้มีเงินล้านฝากแบงค์อยู่ใครจะเชื่อหรือไม่บางคนอาจจะเขาในเชิงลบว่า หมอนี่มีปัญหาอะไรหรือเปล่าถึงไม่มีเงินเก็บ

จริงแล้วเงินดังกล่าวที่เขาหอบกลับมาจากเวียดนาม 10 กว่าล้านบาทนั้น ถูกแปรเปลี่ยนเป็นที่ดินที่ ต.ตากฟ้า อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ บ้านเกิดของ "น้องทราย" จิราพร ภรรยาคู่ชีวิตของเขา โดยไม่ได้เป็นที่ดินเปล่าแต่จากที่ว่างๆได้ถกเนรมิตให้เป็นที่ดินทอง เมื่อพื้นที่ราว 30 กว่าไร่ นั้นมีไม้ประดับที่มีมูลค่า ที่เป็นที่นิยมในการเอาไปจัดสวนหรือตามสถานที่ต่างๆอย่าง "ต้นปาล์ม" เต็มพื้นที่ราวๆเกือบ 3 พันต้น

อ๋อ และ น้องทราย แฟนสาวคนสวย เซลฟี่พร้อมวิวสวนต้นปาล์มอันใหญ่โต

"เจ้าอ๋อ" บอกว่า "จริงแล้วผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะทำอาชีพปลูกต้นไม้ขายแต่จริงๆแล้วพื้นฐานของครอบครัวผมที่ ระยอง นั้นก็เป็นเกษตรกร อยู่แล้ว พอดีช่วงกลับจากค้าแข้งที่เวียดนาม มาใหม่ มีพรรคพวกกันแนะนำให้ทำเพราะช่วงนั้นตลาดไม้ประดับอย่าง ต้นปาล์ม กำลังเติบโต ก็เลยปรึกษากับแฟนแล้วตัดสินใจทำโดยลงทุนซื้อที่ดินเพิ่มราว 10 กว่าไร่ บวกกับของเดิมอีก 20 ไร่ที่เป็นที่มรดกของแฟนจากนั้นก็เริ่มต้นปลูกมาเรื่อยๆจนปัจจุบันก็เติบโตพร้อมขายได้แล้ว"

"ผมใช้เงินลงทุนไปทั้งหมดราว 10 ล้านบาทเพราะการดูแลต้นปาล์มมีค่าใช้จ่ายสูงไม่รวมกับค่าที่ดินที่ซื้อเพิ่ม รวมถึงอุปกรณ์เกษตรต่างๆที่ต้องใช้ต่าง"

"ทุกวันนี้ผมมีเงินฝากในธนาคารไม่มากอย่างที่บอกว่าไปลงกับสวนปาล์มหมดแล้ว แต่ผมไม่เคยมองว่าคิดผิดเพราะตลาดไม้ประดับอย่างต้นปาล์มบ้านเรายังไปได้อยู่ที่ดินก็ไม่เน่าเสียต้นไม้ขณะนี้ก็พร้อมขายได้แล้ว"

ชีวิตบั้นปลายหลังแขวนสตั๊ดที่ "เจ้าอ๋อ" บอกว่าอีกสัก 2-3 ปีคงจะถึงเวลาต้องอำลาบทบาทนักเตะนั้น ศักดิ์ดา เจิมดี บอกว่า "ผมคงจะไปเป็นเกษตรกร ที่จ.นครสวรรค์ ดูแลสวนปาล์ม ของตัวเองตอนนี้ก็มีแผนจะไปสร้างบ้านบริเวณใกล้กับสวนปาล์มของผม"

"ทุกวันนี้ผมมีความสุขดีกับชีวิตแล้วเพราะผมยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงในการดำเนินชีวิตที่ไม่ต้องหวือหวาอะไรมากผมไม่ปฎิเสธเลยว่าฟุตบอลทำให้มีทุกวันนี้ที่มีทรัพย์สินมีมูลค่าหลักสิบล้านบาทได้นี่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงลำแข้งในการเล่นฟุตบอลของผมเอง"

อีกไม่นาน "เจ้าอ๋อ" จะหันมาสวมรองเท้าบูธลุยสวนแทนรองเท้าสตั๊ดแล้ว

"เจ้าอ๋อ" ยังฝากไปถึงน้องๆนักเตะรุ่นหลังด้วยข้อคิดที่น่าสนใจว่า อย่าได้หลงระเริงกับรายได้ที่หอมหวานเช่นทุกวันนี้ในการเล่นฟุตบอลในไทยที่รายได้สูงต้องรู้จักบริหารและเก็บออมใช้เงินให้เป็น ต้องมองถึงอนาคตวันข้างหน้าเป็นสิ่งสำคัญเพราะอาชีพนักเตะไม่มีใครสามารถจะฝืนสังขารเล่นไปได้ตลอดเหมือนอาชีพอื่นๆ ถึงวันก็ต้องร่วงโรยหมดสภาพไม่สามารถเล่นได้หากถึงวันนั้นแล้วไม่ได้มีเงินเก็บออมไว้จะย้อนเวลากลับมาไม่ได้อีกแล้ว

ทุกวันนี้ "เจ้าอ๋อ" เป็นนักเตะจอมประหยัดเพราะเขาใช้เงินแค่วันละ 150 บาทเท่านั้นได้มาเท่าไหร่ให้ภรรยาเป็นคนบริหารและถือไว้หมดสำหรับเม็ดเงินที่มาจากเงินเดือนของโอสถสภาฯ

หลังเกษียณกับอาชีพนักเตะที่คงอีกไม่นาน เราคงจะได้เห็น "เจ้าอ๋อ" ไปเป็นชาวสวนเต็มตัวอยู่กับผืนดินที่มีคุณค่ามีมูลค่าของครอบครัวที่เขารักกับหนุ่มเจ้าของสวนปาล์มเต็มตัวแน่นอน

นี่ล่ะว่าที่นักเตะเกษตรกรรายใหม่ที่พร้อมจะสลัดทิ้งรองเท้าสตั๊ดไปใส่รองเท้าบูธลุยสวนตัวจริงเสียงจริง