"ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ปิดฉากซีซั่นด้วยแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จหลังบดเอาชนะ "สิงห์บลูส์" เชลซี แชมป์พรีเมียร์ลีกล่าสุดที่เหลือแค่10คน 2-1 จากการยิงประตูชัยของ อารอน แรมซี่ย์ ทำสถิติคว้าแชมป์ 3 หนในรอบ 4 ปี แถมเป็นครั้งที่ 13 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเพียงทีมเดียวเหนือแมนฯ ยูไนเต็ด ที่คว้าแชมป์12สมัย ในศึกลอนดอนดาร์บี้ฉบับ เอฟเอ คัพ อังกฤษ นัดชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลี่ย์ คืนวันเสาร์ที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา

ฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ 2016-17

วันเสาร์ที่ 27 พฤษภาคม 2560

อาร์เซน่อล 2 - เชลซี 1

        สนาม : เวมบลีย์

         เกมลอนดอนดาร์บี้ รอบชิงชนะเลิศ อาร์เซน่อล มีปัญหาแนวรับเพียบ โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ ติดโทษแบน, ชโคดราน มุสตาฟี่ ป่วย, กาเบรียล เปาลิสต้า เจ็บ ต้องเข็น แพร์ แมร์เตซัคเคอร์ ลงตัวจริงนัดแรกของซีซั่น

         ตำแหน่งอื่นๆ ให้ ดาวิด ออสปิน่า เฝ้าเสาแทน ปีเตอร์ เช็ก, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน หายเจ็บโยกไปยืนวิงแบ็กซ้าย แนวรุกได้ อเล็กซิส ซานเชซ ฟิตลงประสาน เมซุต โอซิล และ แดนนี่ เวลเบ็ค

         ฝั่ง เชลซี แชมป์พรีเมียร์ลีก ไม่มีปัญหาจัดทัพ เรียก 11 คนแรกชุดที่ดีที่สุดลงสนาม แนวรุกมี ดีเอโก้ คอสต้า, เอแด็น อาซาร์ และ เปโดร โรดริเกซ

         เริ่มเกม 4 นาที ปืนใหญ่ ขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะปัญหา อเล็กซิส ยกแขนขึ้นมาปั๊ม บอลเข้าทาง แรมซี่ย์ ที่ยืนล้ำหน้าวิ่งตามบอลเข้าไปจะยิงอยู่แล้ว แต่หยุดเอาไว้ ปล่อยให้ อเล็กซิส วิ่งสอดขึ้นมาดีดด้วยขวาผ่าน กูร์กตัวส์ เข้าไป ที

แรกผู้ช่วย ยกธงล้ำหน้าแล้วเอาลง ทำให้ผู้ตัดสินต้องวิ่งไปปรึกษา ก่อนให้เป็นประตู

         พอได้ประตูเร็ว อาร์เซน่อล ก็บุกต่อแบบได้ใจ นาที 14 อเล็กซิส ส่องไกลเต็มเหนี่ยวเชิดคานออกไป

         เชลซี ก็ตอบโต้น่ากลัวในนาทีต่อมา อาซาร์ ลากเลื้อยเข้าเขตโทษ ไม่มีช่องยิง ไหลให้ คอสต้า ซัดกลางประตูแต่ไปติดบล็อก

         นาที 16 เดอะ กันเนอร์ส โต้เร็วอันตราย อเล็กซิส เลือกไหลเข้าเขตโทษด้านขวาให้ โอซิล ยิงติดบล็อกผ่าน กูร์กตัวส์ จะข้ามเส้นอยู่แล้ว แต่มี เคฮิลล์ ตามไปสกัดทิ้งทันเวลา

         อาร์เซน่อล น่าได้ลูกสองสุดๆ อีกครั้ง ในอีก 3 นาทีต่อมา โอซิล เปิดเตะมุมฝั่งขวา เวลเบ็ค ขึ้นโหม่งไปชนเสาสอง แรมซี่ย์ ที่ยืนอยู่ตรงนั้น ใช้หน้าอกชนบอลแบบไม่ทันตั้งตัว บอลไปสะกิดเสาออกหลังอีก

         สิงโตน้ำเงินคราม ต้องตั้งรับอยู่นาน ถึงมีจังหวะตอบโต้ นาที 28 คอสต้า สปีดหนี โฮลดิ้ง ที่ตัดสินใจพลาด กะบังให้ ออสปิน่า ออกมารับ เลยโดน คอสต้า จิ้มเท้าซ้ายไปติดเซฟเต็มหน้า ออสปิน่า

         เกมรุกยังเป็น เดอะ กันเนอร์ส ที่ทะลุทะลวงน่ากลัวกว่า นาที 30 เวลเบ็ค ทำชิ่งกับ อเล็กซิส แล้วผ่านเข้ากลางปั๊มกับ กูร์กตัวส์ กระดอนหาหน้าปากประตู แต่ยังมี เคฮิลล์ สกัดทิ้งหวุดหวิดอีก จบครึ่งแรก จึงนำแค่ 1-0

         ครึ่งหลังผ่านมานาที 51 เชลซี เกือบได้เลย ดีเอโก้ คอสต้า ไหลออกไปให้ วิคเตอร์ โมเสส หลุดไปยิงด้วยขวาติดเซฟ ออสปิน่า อย่างน่าเสียดาย

         ต่อมานาที 59 "สิงห์บลูส์" ได้โอกาสอีก วิคเตอร์ โมเสส จ่ายเข้ากลางให้ เปโดร ซัดเหน่งๆด้วยขวากลางประตูเฉี่ยวเสาไปนิดเดียว

         มาถึงนาที 65 อาร์เซน่อล เกือบได้บ้าง แดนนี่ เวลเบ็ค จ่ายเข้ากลางให้ เอคตอร์ เบเยริน วิ่งมาแปด้วยขวาแต่ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ล้มตัวรับไว้ได้

         อีกสามนาทีต่อมา เชลซี ต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คนจากจังหวะที่ วิคเตอร์ โมเสส ลากตัดเข้าในเขตโทษก่อนทิ้งตัวล้มลงไป ผู้ตัดสินเป่าเป็นจังหวะพุ่งล้มก่อนให้ใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกไป

         ขยับมานาที 76 "สิงห์บลูส์" ตัวน้อยกว่าแต่ตามตีเสมอ 1-1 วิลเลี่ยน ตัวสำรองหยอดให้ ดีเอโก้ คอสต้า พักอกก่อนตวัดยิงด้วยขวาบอลแฉลบเล็กน้อยเบียดเสาเข้าไป

         แต่ท้ายเกมนาที 79 "ปืนใหญ่" ออกนำอีกครั้ง 2-1 โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ที่ลงมาเป็นสำรองหลุดไปถึงเส้นหลังก่อนเปิดเข้ากลางให้ อารอน แรมซี่ย์ โหม่งโล่งๆเข้าไป

         หลังจากนั้นทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม อาร์เซน่อล เบียดชนะ เชลซี 2-1 คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ สมัยที่ 13 ในประวัติศาสตร์สโมสรรวมถึงเป็นทีมที่ได้แชมป์รายการนี้มากที่สุดอีกด้วย แถม อาร์แซน เวนเกอร์ ยังเป็นผู้จัดการทีมคนแรกที่ทำได้ 7 สมัย

        รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

         อาร์เซน่อล : ดาวิด ออสปิน่า - ร็อบ โฮลดิ้ง, แพร์ แมร์เตซัคเคอร์, นาโช่ มอนเรอัล - เอคตอร์ เบเยริน, อารอน แรมซี่ย์, กรานิต ชาคา, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน (ฟร็องซิส โกเกอแล็ง น.82)- เมซุต โอซิล, อเล็กซิส ซานเชซ (โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ น.90)- แดนนี่ เวลเบ็ค (โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ น.78)

         สำรองไม่ได้ใช้ : ปีเตอร์ เช็ก, อเล็กซ์ อีโวบี้, ธีโอ วัลค็อตต์, ลูกัส เปเรซ

         ใบเหลือง : แรมซี่ย์ น.9, โฮลดิ้ง น.54, ชาคา น.81, โกเกอแล็ง น.83

         เชลซี : ติโบต์ กูร์กตัวส์ - เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, ดาวิด ลุยซ์, แกรี่ เคฮิลล์ - วิคเตอร์ โมเสส, เนมานย่า มาติช (เชส ฟาเบรกาส น.61), เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มาร์กอส อลอนโซ่ - เปโดร โรดริเกซ (วิลเลี่ยน น.72), ดีเอโก้ คอสต้า (มิชี่ บาตชูอายี่ น.88), เอแด็น อาซาร์

         สำรองไม่ได้ใช้ : อัสเมียร์ เบโกวิช, คูร์ท ซูม่า, นาธาน อาเก้, จอห์น เทอร์รี่

         ใบเหลือง : โมเสส น.57, ก็องเต้ น.59

         ใบแดง : โมเสส น.68

         ผู้ตัดสิน : แอนโธนี่ เทย์เลอร์