ความแข่งแกร่งของทีมชาติเวียดนามในช่วงหลังๆ ทำให้เห็นถึงการพัฒนาเรื่องของฟุตบอลไปในทิศทางบวก หากยอมเปิดใจเรียนรู้คู่แข่งเพื่อเป็นภูมิคุ้มกันตัวเองสำหรับการบ้านหลังจากนี้ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง? คงไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรงที่จะเปิดใจต่อสู้กันในทุกๆมุม ความเชื่อที่เกิดขึ้นในเรื่องของ ปาร์ค ฮัง ซอ กุนซือเกาหลีใต้กับกรรมวิธีที่จัดการแท็คติกให้ประสบความสำเร็จอาจจะเป็นเรื่องปลายๆหากเราเดินเข้าหาข้อมูลที่ลึกขึ้น เพราะยังมีอีกหลายคนที่เข้ามามีบทบาทกับฟุตบอลเวียดนามในช่วงหลังๆนอกจากเจ้าบุญทุ่ม “ด่วน เหงียน ดึ๊ก” เจ้าสัวแห่งยาลายส์

    เวียดนาม ฟุตบอล อะคาเดมี่ (PVF) ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของวงการฟุตบอลเวียดนามก่อนหน้านี้แม้จะถูกมองเพียงความหวือหวาเข้ามาชั่วครู่ชั่วคราวเพราะมีการว่าจ้างอดีตตำนานปีศาจแดง อย่าง ไรอันกิ๊ก,พอล สโคล์  เข้ามาช่วยโปรโมตโครงการช่วงปี 2017  แต่หลังจากนั้นการเจริญเติบโตของศูนย์ฝึกแห่งนี้เป็นไปในทิศทางบวกอย่างต่อเนื่องทั้งเรื่องของสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการพัฒนาฟุตบอลเพื่อให้เป็นไปตามเป้าประสงค์ อีกทั้งยังดึง ฟิลลิปส์  ทรุสซิเย่ต์ เข้ามาวางระบบ

    ศูนย์ฝึกแห่งนี้ที่สร้างในฮานอย อุดมไปด้วยเครื่องมือชั้นดีมากมาย รวมไปถึงศักยภาพของสนามฝึกซ้อมสนามแข่งขัน ห้องเวตเทรนนิ่ง ที่พักสำหรับนักเตะระดับเยาวชน เพื่อเป้าหมายในอนาคต มูลค่าของศูนย์ฝึกแห่งนี้อยู่ที่ 35 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1.1 พันล้านบาท ภายใต้งบประมาณภาคเอกชนจากกลุ่ม Vingroup ที่มีมหาเศรษฐีอย่าง  ฝาม ยึก เหวือง ดูแล ซึ่งกลุ่มวินกรุ๊ปมีธุรกิจในมือมากมาย

    แต่ใครจะเชื่อว่าเส้นทางเจ้าของวินกรุ๊ปที่เข้ามาสร้างประโยชน์ยกระดับพัฒนาให้กับวงการฟุตบอลเวียดนามเริ่มต้นมาจากชีวิตที่ยากลำบากวันนี้เมื่อมีเงินในกระเป๋าระดับอภิมหาเศรษฐีก็พร้อมหยิบยื่นโอกาสให้กับเด็กๆและเยาวชนในชาติแบบจริงจังเพื่อให้เป็นรูปธรรมจับต้องได้  ปี2015   ฝาม ยึก เหวือง  ถูกจัดให้เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในเวียดนามมีทรัพย์สินมูลค่าถึง 24.3 ล้านล้านดอง(34.32 หมื่นล้านบาท) ห่างจากอันดับสองถึง 4 เท่าตัว

    ชีวิตที่ดูเหมือนจะสะดวกสบายของอภิมหาเศรษฐีอย่าง  ฝาม ยึก เหวือง   ในวัยเด็กไม่ได้สวยงามอย่างที่หลายๆคนคิด เพราะเขาเกิดในครอบครัวที่ฐานะไม่สู้ดีนักพ่อรับราชการทหารส่วนแม่เปิดร้านขายน้ำชารายได้ที่กลับมาสู่ครอบครัวน้อยมาก  เด็กน้อยจากไฮฟงได้เรียนระดับมัธยม,มหาวิทยาลัยในฮานอยจนได้ทุนไปเรียนต่อที่รัสเซีย หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตคู่กับ ฝาม ธู ฮวง ซึ่งชอบคอกันมาตั้งแต่ ม.5

    หลังเรียนจบย้ายไปใช้ชีวิตที่ยูเครน  ช่วงนั้นขอยืมทุนจากที่บ้านไปเปิดร้านอาหารเวียดนาม พร้อมกับศึกษาการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปเรื่อยๆจนเริ่มผลิตและจำหน่ายจนมีรายได้คืนกลับมามหาศาล พร้อมกับก่อตั้งบริษัทเทคโนคอม กลายเป็นบริษัทชั้นนำที่ผลิตอาหารอบแห้งของยูเครน สุดท้ายแม้ว่าธุรกิจจะรุ่งโรจน์โชติช่วงขนาดไหน? ก็อยากกลับบ้านเกิดจึงขายกิจการให้กับเนสต์เล่ย์ด้วยมูลค่าสูงถึง 150 ล้านเหรียญสหรัฐฯ( 4.68 พันล้านบาท) ในปี 2009  ทุนก้อนยักษ์ดังกล่าวแปรผกผันกลับมาสร้างธุรกิจในเวียดนามในหลายๆด้านทั้งอสังหาริมทรัพย์,ธุรกิจเกี่ยวกับซอฟแวร์,เทคโนโลยี,ร้านสะดวกซื้อฯ  จนปัจจุบันกลายเป็นบริษัทเอกชนที่มีรายได้ประมาณ 7.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ(2.44 แสนล้านบาท) 

    ซึ่งเป้าหมายของการสร้างศูนย์ฝึกฟุตบอลมาตรฐานระดับสูงของอดีตเข้าของธุรกิจบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปผู้พลิกชีวิตจากความยากลำบากหวังให้ทีมชาติของตัวเองประสบความสำเร็จ และอยากเห็นนักกีฬาฟุตบอลเวียดนามเดินตามฝันในอาชีพของตัวเอง  ซึ่ง ฟิลลิปส์  ทรุสซิเยส์ บอสใหญ่ด้านเทคนิคของ PVF  ได้พูดสิ่งที่ลงมือทำไปแล้วและรอผลในอนาคตว่า ที่ผ่านมาได้เริ่มกระบวนการพัฒนาเยาวชนให้ความรู้เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง  รวมไปถึงการเตรียมการเพื่อส่งออกผู้เล่นไปสู่การเรียนรู้ระดับนานาชาติทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ