สายตรงร้องฟีฟ่า! 2 ตัวแทนถูกขโมยสิทธิ์ 30 เสียง อย่าง "ป้าจิ๋ว" อนงค์ ล่อใจ และ "พลเอก จิรศักดิ์ บุตรเนียน" ดำเนินการติดต่อฟีฟ่าโดยตรง แถมยังมี 30 เสียงที่โดนขโมยสิทธิ์จากเดิม เดินหน้าแจ้งความที่สน.ท้องที่บ้างแล้ว หวังเรียกร้องความชอบธรรมอย่างถึงที่สุด ส่วนเรื่องที่จ.สุราษฎร์ธานีตั้งโต๊ะแถลงข่าวเห็นได้ชัดว่ามีการนำการเมืองเข้ามาเป็นวาระซ้อนเร่น โดยผู้ที่นั่งขนาบข้างผู้ว่าฯ สวมเสื้อของพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่เดินทางไปทำกิจกรรมพรรคที่จ.สุราษฎร์ธานี โดยเป็นการเอาเรื่องฟุตบอลเข้ามาบังหน้าสาดโคลนใส่ "ป้าจิ๋ว" อย่างเห็นได้ชัด

สืบเนื่องจากการที่คณะกรรมการกลางการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย วันที่ 11 ก.พ. 59 นำโดย "เสธ.โต" พลเรือเอก สุรวุฒิ มหารมณ์ ประธานฯ ได้จัดให้มีการเลือกตั้ง 30 เสียงในศึกเอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 ใหม่ ซึ่งถือเป็นการกระทำเข้าค่ายผิดข้อบังคับฯ ของสมาคมฟุตบอลฯ อีกทั้งผลคะแนนที่ออกมานั้นก็เห็นได้ชัดว่าอาจจะมีการล็อกสเปกอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากผลคะแนนของทีมที่ได้ 1-5 แข่งแต่ละโซน มีคะแนนเท่ากัน ซึ่งโอกาสที่คะแนนจะเท่ากันถือเป็นเรื่องยากมากหากไม่มีการเตรียมการกันมาก่อน

ล่าสุดสยามกีฬาได้รับการเปิดเผยจาก "นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์" ประธานฝ่ายกฎหมายสมาคมฟุตบอลฯ ที่ได้เผยต่อเนื่องถึงการรักษาสิทธิ์กับ 30 เสียงเดิมที่ถูกสวมสิทธิ์อย่างไม่ชอบธรรมด้วยว่า "ตอนนี้ผมเองได้เตรียมทำเอกสารที่จะส่งต่อไปยังฝ่ายจริยธรรมของฟีฟ่า เกี่ยวกับการรายงานกรณีที่ผู้แทนเดิม 30 เสียงถูกขโมยสิทธิ์ กระบวนการที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นการขัดข้อบังคับอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงการไม่สมัครที่สมาคมฟุตบอลฯ ด้วย ซึ่งก็ถือเป็นการผิดต่อข้อบังคับ"

"สำหรับสมาชิกที่ไม่ได้เข้าร่วมการเลือกตั้ง 30 เสียง ด.2 ใหม่นั้น เห็นได้ชัดว่ามีกลุ่มใหญ่ที่ไม่ยอมรับในกติกาที่ผิดๆ ของกกต. พวกเขาได้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อสถานีตำรวจท้องที่ที่เกี่ยวข้องแล้ว เป็นเรื่องใหญ่ที่จะมีแต่ปัญหา"

"และในเวลานี้ 2 ทีมที่เดือดร้อน อย่าง คุณอนงค์ ล่อใจ และ พลเอก จิรศักดิ์ บุตรเนียน ก็ได้มีการติดต่อและส่งเรื่องร้องเรียนแบบสายตรงไปยังฟีฟ่าแล้ว เพื่อต้องการรักษาสิทธิ์จากการโดนสวมสิทธิ์อย่างเห็นได้ชัด"
 
ทั้งนี้สยามกีฬาได้รับการเปิดเผยจาก "ป้าจิ๋ว" อนงค์ ล่อใจ ประธานสโมสรสุราษฎร์ธานีที่ได้เผยตอบโต้กรณีที่ผู้ว่าราชการ จ.สุราษฎร์ธานี มาตั้งโต๊ะแถลงข่าวตอบโต้เจ้าตัวกรณีสร้างความเสียหายให้กับวงการฟุตบอลไทย ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง และยังมีการนำเรื่องการเมืองเข้ามาบังหน้าเพื่อสาดโคลนใส่ตนเองอย่างเห็นได้ชัดด้วย

"สิ่งที่ผู้ว่าราชการจังหวัดตั้งโต๊ะแถลงข่าวตอบโต้ดิฉันว่าเป็นผู้สร้างความเสียหายให้กับวงการฟุตบอลนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการนำเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้ที่นั่งขนาบข้างผู้ว่าฯ ใส่เสื้อพรรคการเมือง พรรคหนึ่งที่เดินทางลงไปทำกิจกรรมที่จ.สุราษฎร์ธานี เบี่ยงประเด็นเรื่องที่โจมตีดิฉันโดยมีเรื่องการเมืองมาเป็นวาระซ้อนเร้น จริงๆ แล้วมันไม่ต้องมาอ้างเรื่องฟีฟ่า แต่เป็นเพราะเขาต้องการจะโจมตีดิฉันมากกว่า ถ้าฟีฟ่าจะเข้ามาแบนประเทศไทย มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำไมไม่คิดว่าก่อนหน้านี้ที่มีการฟ้องร้องต่างๆ นานา ไม่คิดบ้างหรอ ทำไมต้องให้ดิฉันมาเป็นจำเลยของสังคม"