วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายนนี้ เยอรมนี ชาติเจ้าภาพของศึก ยูโร 2024 จะลงเล่นนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ แล้ว โดยคู่แข่งของพวกเขาคือ สวิตเซอร์แลนด์

ปัจจุบัน ลูกทีมของกุนซือ ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ เก็บได้ 6 แต้มเต็มจากการลงเล่น 2 นัด ทำให้พวกเขาการันตีการเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายแล้ว แต่พวกเขาน่าจะยังเล่นอย่างเต็มที่ในนัดสุดท้ายเพื่อทำให้แฟนบอลเจ้าถิ่นมีความสุข และหาก เยอรมนี เก็บชัยชนะได้อีก มันก็จะทำให้ถือเป็นครั้งที่ 3 เท่านั้นที่เจ้าภาพในศึก ยูโร ชนะครบทั้ง 3 นัดในรอบแบ่งกลุ่ม โดยไม่นับรวมปี 2020 ที่มีหลายชาติเป็นเจ้าภาพร่วมกัน

สำหรับหนแรกต้องย้อนไปถึงปี 1984 ทื่ประเทศฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ โดยครั้งนั้น "เลส์ เบลอส์" อยู่ในกลุ่ม 1 ร่วมกับ เดนมาร์ก, เบลเยียม และ ยูโกสลาเวีย ซึ่งพวกเขาก็เปิดหัวด้วยการเฉือน เดนมาร์ก ไป 1-0 จากประตูของ มิเชล พลาตินี่ ในนาทีที่ 78

พอถึงนัดสอง ฝรั่งเศส ก็เล่นกันได้ผ่อนคลายขึ้นจนทำให้พวกเขาไล่ถล่ม เบลเยียม ไปแบบขาดลอยถึง 5-0 ด้วยกัน โดยที่ พลาตินี่ คือพระเอกในวันนั้นจากการทำได้ 3 ประตู ก่อนที่พวกเขาจะปิดท้ายด้วยการเชือด ยูโกสลาเวีย 3-2 ซึ่งมันก็เป็นอีกเกมที่ พลาตินี่ ฟอร์มโหดจนถึงขั้นทำแฮตทริกได้

ฝรั่งเศส ชุดนั้นยังรักษาโมเมนตัมจากรอบแบ่งกลุ่มได้ด้วยการชนะ โปรตุเกส 3-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ หลังจากจบ 90 นาทีเสมอกัน 1-1 และพวกเขาก็ไปถึงฝั่งฝันจากการชนะ สเปน 2-0 ในรอบชิงชนะเลิศจนทำให้ได้แชมป์ ยูโร เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์

เจ้าภาพทีมที่ 2 ที่เก็บชัยได้ครบในรอบแบ่งกลุ่มคือ เนเธอร์แลนด์ส โดยในปี 2000 พวกเขาเป็นเจ้าภาพร่วมกับ เบลเยียม ซึ่งทัพ "อัศวินสีส้ม" ถูกจับไปอยู่ในกลุ่ม ดี ร่วมกับ ฝรั่งเศส, สาธารณรัฐเช็ก และ เดนมาร์ก

ในนัดแรก เนเธอร์แลนด์ส เจอกับ สาธารณรัฐเช็ก และเกือบจะชวด 3 แต้มแล้ว ยังดีที่มาได้ประตูชัยจากลูกจุดโทษของ แฟร้งค์ เดอ บัวร์ ในนาทีที่ 89 นั่นทำให้พวกเขาเครียดน้อยลงก่อนที่จะไล่ต้อน เดนมาร์ก 3-0 ในนัดสอง

ในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม เนเธอร์แลนด์ ต้องมาเจอกับ ฝรั่งเศส ซึ่งมันเป็นการชิงตำแหน่งแชมป์กลุ่มกันเองด้วย หลังพวกเขาต่างก็เก็บมาได้ 6 แต้ม และเป็นเจ้าภาพที่ได้เฮจากการชนะไป 3-2

ด้วยการเป็นแชมป์ของกลุ่ม ดี ทำให้ เนเธอร์แลนด์ส ได้ไปเจอกับ ยูโกสลาเวีย ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่งตอนนั้นเจ้าภาพถูกมองว่าเป็นต่อเยอะมากๆ และพวกเขาก็โชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงจนถึงขั้นชนะไป 6-1 โดยเกมนั้น พาทริค ไคลเวิร์ต ถึงขั้นทำแฮตทริกได้ด้วย

ในรอบรองชนะเลิศ เนเธอร์แลนด์ โคจรมาเจอกับ อิตาลี ที่ชนะ โรมาเนีย 2-0 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ โดยวันนั้นมีแฟนบอลเข้าไปชมเกมใน อัมสเตอร์ดัม อารีน่า ของกรุงอัมสเตอร์ดัมราว 50,000 ชีวิตด้วยกัน โดยที่บรรดาแฟนบอลเจ้าถิ่นมีความหวังว่าจะได้เห็นบ้านเกิดเข้าไปเล่นนัดชิงชนะเลิศ

เกมนั้นจบทั้งช่วง 90 นาทีและ 120 นาทีด้วยการเสมอกัน 0-0 ทำให้ต้องตัดสินผู้ชนะกันด้วยการดวลจุดโทษ และมันก็จบแบบไม่แฮปปี้เอ็นดิ้งเมื่อ เนเธอร์แลนด์ส แพ้ไป 1-3 โดยคนที่ยิงพลาดของพวกเขามีทั้ง แฟร้งค์ เดอ บัวร์, ยาป สตัม และ พอล บอสเฟลต์ ส่วนแชมป์ในครั้งนั้นคือ ฝรั่งเศส ที่ชนะ อิตาลี 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษด้วยกฎโกลเด้นโกล