เป็นอันว่าทีมชาติ อังกฤษ พาตัวเองเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอล ยูโร 2024 ได้สำเร็จโดยพวกเขาจะต่อกรกับ สเปน เพื่อชิงความเป็นเจ้าลูกหนังของทวีปในวันอาทิตย์นี้

ทีมเมืองผู้ดีสร้างความฮือฮาสอยตาข่ายฝ่ายตรงข้ามในช่วงทดเวลาได้อีกนัดโดยเกมรอบตัดเชือกบู๊กับ เนเธอร์แลนด์ เมื่อวันพุูธที่ผ่านมา พวกเขามี โอลลี่ วัตกิ้นส์ กองหน้าตัวสำรองจากทีม แอสตัน วิลล่า ลุกจากซุ้มข้างสนามไปเข่นประตูพาทีมกำชัย 2-1 หลังถูกเปลี่ยนตัวลงไปเล่นแทน แฮร์รี่ เคน

เท่าที่ผ่านมา แกเร็ธ เซาธ์เกต นายใหญ่ ทรี ไลอ้อนส์ พาทีมผ่านด่านคู่แข่งแต่ละนัดชนิดทำเอากองเชียร์ถอนหายใจไปตามๆกัน แต่ถึงขณะนี้ พวกเขามีโอกาสได้โทรฟี่ใบสำคัญแล้วหลังจากเฝ้ารอมานาน 58 ปี

อย่างไรก็ดี แน่นอนว่า สเปน ถูกยกให้มีภาษีเหนือกว่าจากฟอร์มที่ปรากฏในสนามซึ่งถือว่าเหมาะสมอย่างยิ่งที่พวกเขาได้ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ

ไม่เพียงจะพิชิต เยอรมนี ชาติเจ้าภาพได้เท่านั้น แต่ทีมของ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้ สยบ ฝรั่งเศส รองแชมป์โลกได้เช่นกันในนัดตัดเชือก สวนทางกับ อังกฤษ ที่แทบไม่ได้ต่อกรกับทีมยักษ์ใหญ่เลยนับตั้งแต่เกมแรก

ขณะเดียวกัน ทรี ไลอ้อนส์ ไม่เคยคว้าแชมป์ ยูโร มาครองด้วย ขณะที่ กระทิงดุ ประสบความสำเร็จมาแล้วสามสมัยในปี 1964, 2008 และ 2012

จะอย่างไรก็ตาม ย้อนกลับไปถึงเกมล่าสุดที่ทั้งสองทีมฟาดแข้งกันในศึก เนชั่นส์ลีก เดือนต.ค.2018 หรือเมื่อหกปีก่อน อังกฤษ คว้าชัยได้ด้วยสกอร์ 3-2

ขณะเดียวกัน หากจะเทียบโผตัวจริงของ อังกฤษ นัดชนะ เนเธอร์แลนด์ กับโผ 11 คนแรกเกมที่ ทรี ไลอ้อนส์ พิชิต กระทิงดุ ได้ที่ เซบีย่า ก็มีนักเตะตัวจริงลงเล่นกับทีมดัตช์รวมทั้งหมดสามราย

ไม่ต้องเดาก็คงรู้กันดีว่ารายแรกหนีไม่พ้น จอร์แดน พิคฟอร์ด ซึ่งผูกขาดเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของ อังกฤษ มานานแล้ว

นอกจากนี้ คีแรน ทริปเปียร์ กองหลังที่ทุกคนบ่นอุบในทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2024 เป็นอีกรายที่ได้ต่อการกับ สเปน หนล่าสุด อันรวมถึง เคน ยอดกองหน้า

ถัดจากนักเตะ 11 คนแรก ทีมเมืองผู้ดีในเกมนั้นยังมีตัวสำรองอีกสี่รายที่ติดธงมาถึงศึก ยูโร 2024 ซึ่งเป็นกองหลังล้วนๆทั้ง โจ โกเมซ ที่ได้เล่นเป็นตัวจริงฟัดกับ สเปน ,  ไคล์  วอล์คเกอร์ ซึ่งได้เล่นเป็นตัวสำรองช่วง 15 นาทีสุดท้ายแทน รอสส์ บาร์คลีย์ , เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ที่ได้เสียบแทน ทริปเปียร์ ในช่วงห้านาทีสุดท้าย รวมทั้ง ลูอิส ดังค์ ที่ไม่ได้ถูกเปลี่ยนตัวลงเล่น

สำหรับเกมดังกล่าว อังกฤษ มี ราฮีม สเตอร์ลิ่ง เหมากดคนเดียวสองประตูในนาทีที่ 16 และ 38 ขณะที่อีกประตูมาจากฝีเท้าของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ในนาทีที่ 30 แต่ทั้งสองไม่มีชื่อร่วมทีมในทัวร์นาเมนต์นี้

11 นักเตะทีมชาติ อังกฤษ

ผู้รักษาประตู : จอร์แดน พิคฟอร์ด

กองหลัง :คีแรน ทริปเปียร์ , โจ โกเมซ , แฮร์รี่ แม็กไกวร์ , เบน ชิลเวลล์

กองกลาง : แฮร์รี่ วิงส์ , เอริค ดายเออร์ , รอสส์ บาร์คลีย์

กองหน้า : ราฮีม สเตอร์ลิ่ง , แฮร์รี่ เคน ,มาร์คัส แรชฟอร์ด