''กูปรีอันตราย'' ศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซี ขี้นมาเล่นสปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก หนแรกในฤดูกาล 2010 โดยขึ้นมาในฐานะทีมอันดับ 3 จากลีกด.1

         ภูมิหลังเดิมของศรีสะเกษ เอฟซี คือทีมที่ก่อร่างสร้างตัวมาจากโปรลีก กระทั่งได้ขยับมาเล่นลีกด.1 และเลื่อนชั้นสู่สปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ

         ไทยลีก 2010 หรือไทยลีกครั้งที่ 14 เมื่อปีพ.ศ. 2553 ที่ผ่านมา "กูปรี" ในฐานะน้องใหม่หวิดคืนถิ่นเก่าอย่างลีกด.1 อีกหนเมื่อพวกเขาจบด้วยอันดับ 14 จาก 16 ทีมเดิมทีต้องตกชั้นแต่ฤดูกาล 2011 ทีพีแอล มีการเพิ่มทีมจาก 16 เป็น 18 ทีมทำให้มีการเพลย์ออฟและศรีสะเกษ เอฟซี ก็อยู่รอดได้เพลย์ออฟหนนั้นหากใครยังจำได้มีเหตุการณ์ช็อกวงการลูกหนังไทยที่เป็นข่าวครึกโครม เมื่อแฟนบอลนครปฐม เอฟซีมีเรื่องกับแฟนบอลศรีสะเกษ เอฟซีจนเป็นข่าวใหญ่โต

 
        ฤดูกาล 2011 ที่เพิ่งผ่านไปใครก็มองว่า ศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซี เป็น 1 ในทีมเต็งตกชั้น แต่สุดท้ายพวกเขาก็อยู่รอดได้ โดยจบด้วยอันดับ 12 จาก 18 ทีม ด้วยผลงาน เตะ 34 นัด ชนะ 9 เสมอ 12 แพ้ 13 มี 39 แต้มเท่ากับอันดับ 13 อย่าง อาร์มี่ แต่เฮดทูเฮด พวกเขาดีกว่า

 
        "กูปรีอันตราย" เป็นทีมที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงโดยเฉพาะมหาชนแฟนบอลที่สนับสนุนทีมอย่างยอดเยี่ยมไม่ใช่เฉพาะแค่ยามเล่นในถิ่นตัวเองที่สนามศรีนครลำดวน หรือยามเล่นนัดเยือน ก็มีพี่น้องชาวศรีสะเกษ ตามไปเชียร์จำนวนไม่น้อยทุกนัด

         แฟนบอลของศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซีนี่ล่ะคือสิ่งสำคัญที่ทำให้ทีมอยู่รอดโดยไม่ตกชั้นได้ในฤดูกาลที่ผ่านมา

         ปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขาอยู่รอดได้น่าจะเป็นการทำผลงานในบ้านตัวเองได้ดีโดยจากแ 17 นัด ชนะ 8 เสมอ 5 แพ้ 4 นัดในบ้านตัวเองเท่านั้น สวนทางกับนัดเยือนที่แพ้มากกว่าชนะ

         ผลงานในบ้านที่ดีเพราะแรงใจแฟนบอลทำให้พวกเขาเป็นทีมที่เล่นในบ้านได้ดีเป็นอันดับ 9 จาก 18 ทีม 
 หากไม่ได้เสียงเชียร์ของแฟนบอลในถิ่นมีหวังป่านนี้กลับบ้านเก่าไปแล้วสำหรับศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซี เพราะนัดเยือน 17 นัด ชนะ 1 เสมอ 7 แพ้ถึง 9

         ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซีอยู่รอดได้เพราะเกมในบ้านแท้ๆ ที่มีแฟนบอลหนุนหลังจนติดอันดับเป็นทีมที่มียอดแฟนบอลในถิ่นตัวเองสูงเป็นอันดับต้นๆ 

         ดังจะเห็นได้จากรายได้รวมทั้งฤดูกาลศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซี ติดอันดับ 5 ของทีมที่กวาดรายได้ไปมากที่สุดในฤดูกาลที่ผ่านมา เป็นรองแค่ทีมอย่าง บุรีรัมย์ พีอีเอ, เมืองทองฯ, บางกอกกล๊าส และชลบุรี 4 ทีมใหญ่เท่านั้นเอง โดยเก็บรายได้จากการสนับสนุนของแฟนบอลไปถึง 10 กว่าล้านบาท

 
        ก่อนฤดูกาลใหม่จะออกสตาร์ตนี้ "กูปรีอันตราย" ตกอยู่ในสถานการณ์คับขันไม่ใช่ว่าไม่มีงบทำทีมแต่ปัญหาก็คือพวกเขาต้องพเนจรจากเมืองลำดวนไปเล่นที่จ.อุบลราชธานี

         โดยจะเปลี่ยนชื่อใหม่จากศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซี เป็นอีสาน ยูไนเต็ด โดยยังเล่นในสปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีกอันเป็นลีกสูงสุดต่อไปตามเดิม

         เหตุที่ทำให้ทีม "กูปรี" ต้องพลัดถิ่นก็เนื่องจากจ.ศรีสะเกษ มีทีมลูกหนังขึ้นมาอีก 1 ทีมคือ ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด ที่จะส่งทีมเข้าร่วมศึกเอไอเอส ลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 เป็นหนแรก ในปี 55 นี้

         เบื้องหน้าเบื้องหลังของการมีทีมใหม่เกิดขึ้นมาทั้งๆ ที่มีทีมในลีกสูงสุดอยู่แล้วใครก็รู้ดีว่าเป็นเรื่องความขัดแย้งของผู้ใหญ่ในวงการลูกหนังเมืองลำดวน ที่วันวานยังหวานอยู่แต่ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปชนิดน้ำต้มผักก็ว่าขม

 
        ฝ่ายหนึ่งต้องการให้ทีม ใหม่อย่าง ศรีสะเกษ ยูไนเต็ด เล่นที่ศรีสะเกษ และให้ทีมศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซี เดิมจากไทยลีกย้ายถิ่นฐานไปเล่นที่จ.อุบลราชธานี แทน

 การพลัดถิ่นหนนี้เกิดจากผู้ใหญ่ขัดแย้งกันเห็นๆ ไม่มีเหตุผลอะไรมากไปกว่านี้
 
        น่าเป็นห่วงยิ่งนักกับอนาคตของทีมศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซี หรือชื่อใหม่ อีสาน ยูไนเต็ด ที่ต้องพลัดถิ่นไม่ได้เล่นที่ศรีสะเกษ

 ไม่แน่งานนี้อาจถึงคราวดับสูญร่วงจากลีกสูงสุดในฤดูกาล 2012 นี้ก็เป็นได้

         "กูปรี" อยู่รอดได้เพราะผลงานในถิ่นยอดเยี่ยมมีแฟนบอลหนุนหลังอย่างดี
 ถามหน่อยว่าการไปเล่นที่จ.อุบลราชธานี จะมีแฟนบอลตามไปเชียร์เหมือนเดิมหรือไม่ ถามว่า คนจ.อุบลฯ เองจะเชียร์ทีมที่ไม่ใช่ทีมบ้านเกิดอย่าง ศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซี อย่างสุดหรือไม่คงบอกว่าไม่แน่นอน เพราะคนอุบลฯ เองก็มีทีมอย่าง อุบลราชธานี เอฟซี หรือ "อุบลไทเกอร์" ให้เชียร์อยู่แล้ว

         แม้พื้นที่ระหว่าง ศรีสะเกษ กับ อุบลฯ จะอยู่ติดกันแต่แฟนบอลจะขับรถไปเชียร์เหมือนเล่นที่ศรีสะเกษ เป็นจำนวนเยอะหรือไม่ ตอบได้เลยว่าไม่

 
        บทสรุปของ "กูปรี" ในวันพลัดถิ่นบอกได้คำเดียว่าอนาคตน่าเป็นห่วงดีไม่ดีฤดูกาล 2012 นี้ไม่ได้แช่ง แต่เราอาจจะได้เห็น "กูปรี" ไม่ใช่ "กูปรีอันตราย" สมฉายา เหมือนเก่า และมีโอกาสดับสูญ ร่วงตกชั้นสูงจริงๆ หากเป็นเช่นนั้น คนที่ต้องรับผิดชอบ และต้องตอบคำถามกับแฟนบอลให้ได้ก็คือ ต้นตอของเรื่อง ผู้ใหญ่ที่มีวิสัยทัศน์ น้อยไม่กี่คนเท่านั้นเอง

         "สิงห์นก"