ฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 5

ฤดูกาล 2012-13

วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน 2555
กลุ่ม ดี

แมนฯ ซิตี้ (อังกฤษ) 1 - 1 เรอัล มาดริด (สเปน)

สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม

 
        แมนฯ ซิตี้ที่ยังไม่ชนะใครเลยเจองานช้างต้องเก็บสามแต้มสถานเดียวเพื่อลุ้นโอกาสเข้ารอบต่อในนัดสุดท้าย แต่เกมนี้ปราศจากกาแอล กลิชี่ที่เจ็บข้อเท้า ส่วนมาริโอ บาโลเตลลี่ที่มีข่าวเจ็บหลังไม่มีชื่ออยู่ในโผ ทำให้เซร์คิโอ อเกวโร่ได้จับคู่เป็นกองหน้าร่วมกับเอดิน เชโก้โดยคาร์ลอส เตเวซนั่งอยู่ข้างสนาม และวางระบบห้ากองหลังสู้ศึก
 
        ฝ่ายเรอัล มาดริดไม่มีทั้งกอนซาโล่ อิกวาอิน และไมเคิ่ล เอสเซียงที่บาดเจ็บ แต่คาริม เบนเซม่า, ฟาบิโอ โกเอนเตรา และซามี่ เคดิร่าฟิตกลับมาอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ขณะที่ลูก้า โมดริชได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงนัดที่สองในรายการนี้ก่อนหน้ากาก้า และเมซุต โอซิล
 
        แถมนัดนี้โชเซ่ มูรินโญ่ทำสถิติเป็นกุนซืออายุน้อยที่สุดทีมคุมทีมบู๊รายการนี้ครบ 100 แม็ตช์ด้วย
 
        เกมในช่วงต้นเป็นเรอัล มาดริดที่บุกได้อย่างน่าเกรงขามกว่า และแค่นาทีที่ 10  กองเชียร์แมนฯ ซิตี้ก็ต้องสะอึกเมื่อโมดริชป้ายบอลออกกราบขวาให้อังเคล ดิ มาเรียสาดยาวข้ามมาเสาไกลแล้วเบนเซม่าปราดเข้าฮอสง่ายๆสี่หลาตุงตาข่ายโดยไม่ล้ำหน้าเนื่องจากไมค่อนคุมหละหลวม ทำให้แชมป์ลาลีกานำ 1-0
 
        เขี่ยบอลกันใหม่ได้แค่สองนาที ทีมเยือนเกือบหนีห่างเมื่อคริสเตียโน่ โรนัลโด้เลื้อยขึ้นทางซ้ายขยับหนีไมค่อนได้แล้วจ่ายไปหน้าประตู แต่ซามี่ เคดิร่ากระโดดเข้าแปสิบหลาหลุดเสาสอง
 
        จากนั้นในนาทีที่ 15 ราชันชุดขาวซึ่งเล่นได้เหนือกว่าหลายขุมก็น่าจะพังประตูได้อีกจากการวางบอลยาวแถวกลางสนามของชาบี อลอนโซ่ที่ทำให้โรนัลโด้หลุดเดี่ยวโดยไม่ล้ำหน้า แต่สตาร์โปรตุกีสชิพจาก 18 หลาข้ามหัวโจ ฮาร์ทเบาไปทำให้โดนมาติย่า นาสตาซิชตามไปเคลียร์ทิ้งได้ก่อนข้ามเส้น และแม้โรนัลโด้จะได้เก็บตกยิงซ้ำก็แฉลบฮาร์ทออกนอกกรอบ
 
        กระทั่งนาทีที่ 20 เรือใบก็ได้ลุ้นหนแรกจากจังหวะที่ดาบิด ซิลบาป้ายบอลจากกราบซ้ายเข้ามาให้เซร์คิโอ อเกวโร่พลิกยิงจาก 20 หลา ทำเอาอีเคร์ กาซิยาสต้องกระโดดปัดข้ามคาน
 
        จากนั้นในนาทีที่ 23 ทีมเยือนก็พลาดได้สกอร์เพิ่มอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อเคดิร่าได้ลูกผ่านจากกราบซ้ายแล้วลากแหวกผ่านสามแนวรับเจ้าบ้านหลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษได้ แต่จังหวะสับไกถูกฮาร์ทปรี่ออกมาบล็อคได้ทัน
 
        ให้หลังอีกสองนาที แมนฯ ซิตี้น่าจะตีเสมอได้เมื่อไมค่อนทำดีลากลุยขึ้นมาจากกราบขวาแล้วทำชิ่งกับซามีร์ นาสรี่จนหลุดเข้าเขตโทษ แต่ถูกฟาบิโอ โกเอนเตราตามเบียดจึงจิ้มยิงเฉี่ยวกรอบไป
 
        ผ่านมาถึงนาทีที่ 29 ยาย่า ตูเร่ได้ใบเหลืองข้อหาดักโรนัลโด้ล้ม ต้องติดโทษแบนเกมหน้าที่มีคิวไปเยือนดอร์ทมุนด์
 
        กระนั้นอีกสองนาที อัลบาโร่ อาร์เบลัวไปดึงอเกวโร่ไม่ให้ปราดเข้าหาบอลเลยโดนจดชื่อเช่นกัน
 
        สู้กันมาถึงนาทีที่ 39 ไมค่อนวิ่งตามไปผลักเบนเซม่าล้มจึงได้รับใบเหลืองจากผู้ตัดสินอีกราย จบครึ่งแรกราชันชุดขาวจึงนำหน้า 1-0
 
        ครึ่งหลังเจ้าบ้านปรับระบบส่งฆาบี้ การ์เซียลงไปแทนอเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ พร้อมทั้งหันมาเล่นในสไตล์ 4-4-2 เน้นบุกเต็มที่
 
        นาทีที่ 48 อลอนโซ่ไปรวบใส่ซิลบานักเตะสแปนิชด้วยกันทำให้ได้ใบเหลือง แต่นาทีที่ 54 ใบเหลืองอีกใบก็ตกเป็นของนาสรี่กองกลางเรือใบในจังหวะทำฟาวล์โมดริช
 
        ผ่านมาถึงนาทีที่ 60 ปาโบล ซาบาเลต้าโดนจดชื่อตามมาโทษฐานรวบดิ มาเรียบริเวณกลางสนามก่อนที่แมนฯ ซิตี้จะปล่อยเตเวซลงไปแทนนาสรี่ในนาทีต่อมา
 
        ล่วงมาอีกพักเดียวเซร์คิโอ  รามอสได้ใบเหลืองในจังหวะแฮนด์บอล กระทั่งนาทีที่  65 เรือใบสีฟ้าก็โชคร้ายพลาดได้ประตูตีเสมออย่างเหลือเชื่อเมื่อไมค่อนสาดบอลยาวจากกราบขวามาสวยให้อเกวโร่เข้าแปสามหลา แต่กาซิยาสปัดได้เฉยฉิบก่อนบอลข้ามเส้น
 
        ขยับมาอีกสามนาที ราชันชุดขาวเปลี่ยนตัวสำรองบ้างให้โฆเซ่ กาเยฆอนลงบู๊แทนโมดริช
 
        กระทั่งนาทีที่ 74 แมนฯ ซิตี้ก็มาได้ลูกโทษจากจังหวะที่ยาย่า ตูเร่เปิดบอลยาวจากแดนกลางเข้าเขตโทษแล้วอาร์เบลัววิ่งตีคู่ไปกับอเกวโร่ก่อนจะล้มลงทั้งคู่ ผู้ตัดสินจึงชี้ไปที่จุดโทษและแจกอีกเหลืองให้กองหลังทีมเยือนเป็นใบแดงไล่ออกไปก่อนที่อเกวโร่จะสังหารไม่พลาดตีเสมอเป็น 1-1 ให้เจ้าบ้าน
 
        ถึงตรงนี้ เรอัล มาดริดต้องปรับหมากเปลี่ยนเบนเซม่าออกส่งราฟาเอล ราวานไปเสริมหลังโดยให้โรนัลโด้ยืนเป็นหัวหอก และตั้งรับได้สำเร็จ จบเกมทั้งสองทีมจึงเสมอกันไป 1-1 ทำให้เรือใบสีฟ้าร่วงตกรอบแบ่งกลุ่มอีกปี ขณะที่เรอัล มาดริดได้เข้ารอบทันที

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนฯซิตี้: โจ ฮาร์ท - ดั๊กลาส ไมค่อน, ปาโบล ซาบาเลต้า, แว็งซ็องต์ กอมปานี (กัปตันทีม), มาติย่า นาสตาซิซ, อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ - ยาย่า ตูเร่, ดาบิด ซิลบา, ซามีร์ นาสรี่ - เอดิน เชโก้, เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน"
สำรอง: คอสเตล ปันติลิม่อน (ผู้รักษาประตู) - โจลีออน เลสค็อตต์, เจมส์ มิลเนอร์, ฆาบี การ์เซีย, แกเร็ธ แบร์รี่, สกอตต์ ซินแคลร์, คาร์ลอส เตเวซ 

เรอัล มาดริด: อีเกร์ กาซียาส (กัปตันทีม) - อัลบาโร่ อาร์เบลัว, เซร์คิโอ รามอส, เปเป้, ฟาบิโอ โคเอนเตรา - ซามี เคดิร่า, ชาบี อลอนโซ่ - อังเคล ดิ มาเรีย, ลูก้า โมดริช, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ - คาริม เบนเซม่า
สำรอง: อันโตนิโอ อาดาน (ผู้รักษาประตู) - ราอูล อัลบิโอล, นาโช่ เฟร์นานเดซ, ราฟาแอล วาราน, กาก้า, เมซุต โอซิล, โฆเซ่ กาเยฆอน  

ผู้ตัดสิน: จานลูก้า ร็อคคี่ (อิตาลี)