ป๋าดันเอง "บังยี" วรวีร์ มะกูดี ออกโรงเจรจา เอเอฟซี ขอเพิ่มโควตาสโมสรจาก 1 บวก 1 เป็น 1 บวก 2 ในปี 2013 นี้เลย ให้แชมป์ไทยลีกเตะแชมเปี้ยนส์ ลีก เช่นเดิม ส่วน รองแชมป์ กับ แชมป์มูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ ขอเตะรอบเพลย์ออฟ ชูผลงานทีมจากไทยสุดยอดเยี่ยมไม่ว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ชนะได้ทั้ง คาชิว่า เรย์โซล และ กวางโจว เอเวอร์กรานเด้ รวมทั้งเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และ ชลบุรี เอฟซี ยังเข้าถึงรอบรองถ้วยเอเอฟซี คัพ ได้ด้วย

ความพยายามของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในการผลักดันเพิ่มจำนวนทีมสโมสรของไทยลีก เข้าไปเล่นในฟุตบอลถ้วยของเอเอฟซี ยังคงมีต่อไป โดยงานนี้ "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฯ ออกโรงลุยเองหวังทำให้สำเร็จในฤดูกาล 2013 นี้เลย

ซึ่งทาง "นายกยี" กล่าวว่า จากการที่ตัวแทนสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาทำการประเมินสโมสรของไทยลีกอีก 6 ทีม คือทีมที่ขึ้นมาใหม่อย่าง ชัยนาท เอฟซี, บีบีซียู เอฟซี, วัวชน ยูไนเต็ด กับอีก 3 สโมสรเดิมที่ยังไม่ได้ประเมินคือ ทีทีเอ็ม เชียงใหม่, พัทยา ยูไนเต็ด และ เชียงราย ยูไนเต็ด

ส่วนสโมสรที่เหลือ ก็จะมีการส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้กับทางเอเอฟซี ถึงสิ่งที่ได้ปรับปรุงขึ้นมาภายใน 19 ต.ค. นี้ ก่อนที่ เอเอฟซี จะประกาศผลการประเมิน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ 27-29 พ.ย. นี้ ซึ่งแต่ละสโมสรจะต้องได้ 600 คะแนนจาก 1,000 คะแนน จึงจะผ่านการประเมินแล้ว นำไปเทียบเกณฑ์กับชาติต่างๆ ทั่วเอเชีย เพื่อจัดสรรโควตาทีมที่จะเข้าไปเล่นในถ้วย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ต่อไป ทั้งนี้ที่ผ่านมาตัวแทน เอเอฟซี ก็ยังชื่นชมลีกของเราว่ามีการพัฒนาที่ดีขึ้นทุกด้าน

โดย วรวีร์ มะกูดี กล่าวว่า จากเดิมเราได้โควตาเข้าไปเล่น 1 บวก 1 หมายถึงแชมป์ไทยลีกจะได้สิทธิ์เข้าแข่งขันเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มโดยอัตโนมัต ส่วนแชมป์มูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ จะได้เล่นในรอบเพลย์ออฟ ถ้าตกรอบ ก็จะลงไปเล่นในถ้วยเอเอฟซี คัพ แทน

แต่ที่ผ่านมาจะเห็นว่าสโมสรตัวแทนของไทย ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด  ที่ปีนี้สามารถเอาชนะ คาชิว่า เรย์โซล ของญี่ปุ่น ในบ้านได้ 3-2 และยังบุกไปเอาชนะ กว่างโจว เอเวอร์กรานเด้ ของจีน 2-1 รวมทั้งในถ้วยเอเอฟซี คัพ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ก็สามารถผ่านเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศในปี 2011 และล่าสุด ชลบุรี เอฟซี ก็เข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้เช่นกัน

เมื่อดูจากผลงานแล้วตนในฐานะคณะกรรมการของเอเอฟซีจะนำเหตุผลดังกล่าวไปเจรจา เพื่อผลักดันให้เพิ่มโควตาสโมสรของไทยมากขึ้น เป็น 1 บวก 2 คือทีมแชมป์ไทยลีก จะได้เล่นในเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก เช่นเดิม ส่วนรองแชมป์ไทยลีก กับ แชมป์มูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ จะได้เล่นในรอบเพลย์ออฟ แม้ว่าการแข่งขันแต่ละชาติจะสูง แต่ผลงานเราดีกว่าทุกชาติในอาเซียน ก็น่าจะทำให้เอเอฟซี ต้องหันมาพิจารณาสโมสรจากไทยอย่างละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม

   
เพิ่มค่าเหนื่อยผู้ตัดสินให้อีก

 
"บังยี" ยังได้กล่าวถึงปัญหาใหญ่อย่างการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินที่มักจะเกิดปัญหาบ่อยครั้งด้วยว่า ที่ผ่านมายอมรับว่ามีบ้าง ถ้าเกิดความผิดพลาดจากผู้ตัดสินก็มีการลงโทษไปตามระเบียบอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่มีความตั้งใจดี ซึ่งตนก็พยายามจะมีการเจรจากับผู้สนับสนุนหลายๆ รายให้เข้ามาส่งเสริมผู้ตัดสินในบ้านเรา เพราะปี 2013 ก็ต้องการที่จะเพิ่มค่าเหนื่อยแต่ละนัดให้สูงขึ้นอีก

ก่อนหน้านี้ผู้ตัดสินได้รับแมตช์ละ 4,700 บาท แต่ปีที่ผ่านมาเราเพิ่มให้เป็นแมตช์ละ 10,000 บาท และปี 2013 ก็จะเพิ่มให้เป็นแมตช์ละ 12,000 บาท พร้อมสวัสดิการต่างๆ เช่น การเดินทางที่ได้สายการบินแอร์เอเชียเข้ามาช่วย ทั้งนี้การเพิ่มค่าเหนื่อยอันใหม่ อาจต้องรอในช่วงเลกสอง เนื่องจากกำลังเจรจากับผู้สนับสนุนอยู่

นายกสมาคมฟุตบอลไทยยังกล่าวต่อว่า เห็นใจกับการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินเพราะเจอแรงกดดันเยอะมาก จึงสมควรได้ค่าตอบแทนที่คุ้มค่า ไม่ใช่เฉพาะในไทยลีกแต่หมายถึงยามาฮ่า ลีก วัน และลีกภูมิภาคด้วย ที่จะให้ลดหลั่นไปตามลำดับ

ส่วนตัวตั้งใจที่จะส่งเสริมให้มีการก่อตั้งเป็นสถาบันผู้ตัดสินฟุตบอลแบบมั่นคงถาวร จะได้มีการสร้างดาวรุ่งรุ่นใหม่ และส่งเสริมให้เป็นอาชีพเต็มตัวเหมือนในเจลีกที่มีเงินเดือนประจำ และยึดเป็นอาชีพเลี้ยงครอบครัวได้